สิ่งที่จะเกิดในปี 2009

ปีนี้ข้าพเจ้าอ้วนมาก

     และอ้วนที่สุดเท่าที่เคยเกิดมาเปนแมว เวลานั่งทำงานคอมรู้สึกอึดอัดมากรู้สึกได้ถึงพุงที่ย้วยทับลงไปเปนชั้นไขมัน เวลาที่ใส่เสื้อเข้ารูปทีไรก็มักจะถูกถามว่า "ท้องหรือเปล่า" บางคนก็คอนเฟิมไปเรียบร้อยแล้วแต่ข้าพเจ้าไม่อยากไปเอาความแก่เขาให้เปนการเสียเวลา รังแต่อาจจะทำให้คนอื่นคิดว่าข้าพเจ้าท้องไปแล้วจริง ๆ หรือแม้นไปพบอาภรณ์ใดงามเกินห้ามใจ แต่ปรากฏว่ามักจะไม่มีขนาดที่พอดีตัว ทั้งเสื้อและกางเกง ส่วนกระโปรงยังไม่เคยลอง ทำให้หมดความมั่นใจในการซื้อเสื้อผ้าและติดตามแฟชั่น ทุกวันนี้หยิบอะไรทีมีอยู่ในตู้ก็ใส่ ๆ ไป แต่งดีขนาดไหนคนก็มองพุงก่อน ระยำแท้

      กระนั้นก็จะหาใครมาเปนโทษก็ไม่ได้นอกจากตัวเอง ย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่น ช่วงมอปลายและมหาลัยข้าพเจ้าผอมมาก ผอมขนาดกลับไปเชียงใหม่ แม่แอบเลียบ ๆ เคียง ๆ มาถามคนรู้จักว่าข้าพเจ้าติดยาหรือเปล่า จะว่าไปก็ไม่ได้ติด ติดแต่เบียร์ แน่นอนว่าช่วงมหาลัยเปนช่วงชีวิตที่หนุกหนาน กิน เที่ยว เฮฮากะเพื่อน ได้อย่างอิสระเสรี และก็ไม่ต้องดูแลตัวเอง ข้าพเจ้าไปกินเหล้าและกินเหล้าบ่อยครั้ง มีงานปาร์ตี้ที่ไหน ไม่ต้องเรียกหา ฉันก็เดินทางทันใด หลัง ๆ เวลาไปกินแล้วก็ขี้เกียจผสม เคยลองกินเพียวแล้วก็เมาเร็ว เบียร์คือทางออกที่ดีที่สุด ไม่ต้องผสม รื่นคอ ดื่มง่าย ลีโอ นี่หนึ่งในใจวัยนักศึกษาอย่างเรา แล้วนิสัยของข้าพเจ้าคือกินแบบไม่รีบร้อนไม่ผลีผลาม ไม่มา"โชนนน ชนนน ๆ ๆ ๆ หมดแก้ว ๆ ๆ ๆ" และจะรำคาญพวกนี้มากไอ้หมดแก้ว ๆ เนี่ย รู้ไหมว่ามันเมาเร็วและมันเปลือง ข้าพเจ้าชอบนั่งเรื่อย ๆ มาเรียง ๆมากกว่า แต่แบบนี้รู้ตัวอีกทีก็หมดไปเปนลังเหมือนกัน (กินหลายคนนะ) ช่วงที่กินเยอะ ๆ ก็ช่วงปีท้าย ๆ ของมหาลัยเห็นจะได้ มีคนทัดทานว่ากินเบียร์แคลลอรี่เยอะนะพี่ เท่ากะข้าวสี่จานเลยนะ แต่ข้าพเจ้าหาได้สนใจและประมาทคิดว่าตนเองห่างไกลจากความอ้วนเต็มที

     แต่หารู้ไม่ "ความประมาทเปนหนทางสู่ความอ้วน" ช่วงปลายมหาลัยและช่วงทำงานใหม่ ๆ อายุเราก็ประมาณซัก…20-22 ได้ช่วงนั้นร่างกายลดการเผาผลาญพลังงานลงให่้คงที่ มันไม่ได้เอาไปเจริญเติบโตใด ๆ แล้วตามที่เรียนสุขศึกษามา กล้ามเนื้อก็แข็งแรงแล้ว เสียงก็แตกแล้ว มีหนวดขึิ้นและขนขึ้นตามร่างกาย อวัยวะเพศมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีอารมณ์ทางเพศ ทุกอย่างที่เรียนมาตอนมอสองเกิดขึ้นครบถ้วน ร่างกายก็เอาพลังงานไปทำอย่างอื่นสิ แต่ข้าพเจ้ายังคงบริโภคเหมือนเด็กกำลังโตตลอดเวลา (แต่เปนเด็กกำลังโตทีแดกเบียร์) ร่างกายก็มีพลังงานเหลือเฟือที่ไม่ได้เอาไปใช้ มันจึงแปลงสภาพเปนไขมันพอกพูนตามร่างกายอย่างช้าๆ เงียบเชียบ และมั่นคง ดังมัจจุราชร้ายที่ค่อย ๆ สังหารทรวดทรงอันงดงามเย้ายวนอารมณ์ทางเพศต่อเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ไปทีละน้อย

หลายปีผ่านไป…

     ข้าพเจ้าอ้วนที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเกิดเปนแมวมา ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดและลำบาก เข้าผับเต้นแป๊บเดียวก็หน่อย สอนวงน้องสิงห์ออกสเต็ป แป๊บเดียวก็หอบ เดินขึ้นบันไดหลายชั้นหน่อยก็ไม่ไหว แถมอยู่เฉย ๆ มือกับเท้าก็ชอบออกเหงื่อ ผุ้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า มีโอกาสเปนโรคหัวใจ….กรี๊ดดดดดด……ไม่เอา ข้าพเจ้าไม่อยากเปนโรคหัวใจ… ข้าพเจ้าไม่อยากหัวใจวายเฉียบพลันขณะอยู่คนเดียวลำพังในคอนโดหรูแล้วมีคนพังประตูเข้ามาหลังจากที่หายไปหลายวันและมีกลิ่นเหม็นโชยออกไปรบกวนเพื่อนบ้าน ข้าพเจ้าไม่อยากให้ใครมาพบสภาพนอนเปลือยขึ้นอืดร่างขยายใหญ่กว่าเดิม 5 เท่าแล้วนักข่าวก็ถ่ายรูปไปขึ้นหน้าหนึ่งของทุกนสพ ฮือ ๆ ๆไม่เอา ๆ ๆ ดังนั้นปีนี้ข้าพเจ้าจะลดความอ้วน…จะลดจริง ๆ นะมึงชวนพี่วัวลดแต่ชีก็ไม่เอาด้วย ไม่เปนไรข้าพเจ้าจะลดคนเดียว ลำพังอย่างทรนง เพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นล่ำอวบ น่าแดก ไม่ต้องผอมมาก แต่ขอแค่ล่ำอวบ แบบหนังโป๊เกย์ญี่ปุ่นรุ่นหมี ก็พอแล้ว โปรดติดตามชมอย่างระทึกใจ

ยังมีสิ่งที่จะทำในปี 2009 นอกเหนือจากการลดหุ่นอ้วน

     1. สร้างหนังเรื่อง 14 อันเปนภาคต่อของ 13 เกมสยอง อันนี้ทุกคนรู้กัน ว่ายังไงก็ต้องทำอยู่แล้วและป่าวประกาศไปตั้งกะปีมะโว้ฉะนั้นไม่พูดถึงมาก เอาเปนว่าเขียนบทอยู่ น่าจะเปิดกล้องกลางปี ส่วนจะได้ดูปลายปีหรือต้นปี 2010 อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะเวลากะอะไรไว้มันมักจะเลื่อนเสมอ ๆ

     2. ทำคอนเสิร์ตใหญ่วงออกัส เล่นวันที่ 7 มีนาคม ณ JJ Hall ศูนย์การค้า JJ Hall เวลาเย็น อันนี้คอนเฟิมแล้ว บัตรราคาเท่าไหร่ขอประชุมกันอีกที ตอนนี้กำลังสรุปเรื่องโชว์และจะดำเนินการผลิตงานต่อไป งานนี้กะจำนวนคนไว้ประมาณ 2500 – 3000 คน ทีมสร้างแอบลุ้นระทึกว่าจะขายหมดหรือเปล่าหนอ งานนี้จะเปิดตัวนักดนตรีกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามาเสริมทัพของวงที่ใหญ่อยู่แล้วให้ใหญ่เข้าไปอีกด้วย จะเปนอะไรก็ช่วยกันลุ้นละกัน อิอิ

     3. ปั้นโปรเจคให้คนอื่นเขา

          3.1ตอนนี้นำทีมเขียนบทหนังให้พี่ปรัชญา เรื่องนึงเอากลุ่มน้อง ๆ ที่รู้จักกันมาช่วยเขียน เปนหนังสนุก ๆ เบาสมอง จะเกี่ยวกับอะไรให้ ผกก เขาพูดเองดีกว่า

          3.2 ปั้นโปรเจคให้รุ่นพี่คนหนึ่ง ฝีมือดีร่วมงานกันมานานแล้ว พี่เขากำกับเอ็มวีมามากมาย มีวิสัยทัศน์และไอเดียที่น่าสนใจ ก็เลยจะช่วยแกปั้นโปรเจคหนังรักสักเรื่อง ตอนนี้กะลังคุยกันเรื่องพลอตที่ถูกใจพี่แกอยู่ ก่อนหน้านี้นำเสนอพลอตของเราไปแต่พี่เขาบอกว่ามันจริงไป ก็ไม่เปนไร ปั้นกันใหม่ได้ ที่เค้าไม่เอาเด๋วอาจจะเอามาทำเอง อิอิ

          3.3 ปั้นโปรเจคให้รุ่นน้องคนหนึ่ง รู้จักกันมานานตั้งแต่น้องเขาใส่ขาสั้น เรียนอยุ่ สก จนมาเรียนนิเทศจุฬา ฝีมือดี ควรจะไว้ใจได้ ตอนนี้เขากำลังเขียนบทอยู่น่าจะได้คุยกันเร็ว ๆ นี้ (ถ้ามึงอ่านอยู่ก็รีบ ๆ เขียนแล้วเอามาคุยด้วย) แฟน ๆ ออกัส อาจจะได้เฮเพราะนี่อาจจะเปนโปรเจคใหม่ของวงออกัส

          3.4 ปั้นโปรเจคอื่น ๆ ที่เข้ามาแต่ยังไม่ชัดเจน

     ทำไมถึงมาปั้นโปรเจคคนอื่นเขา เพราะคิดว่านี่เปนสิ่งที่ควรทำข้าพเจ้าเคยได้โอกาสจากผู้ใหญ่ใจดี หลาย ๆ คนที่ช่วยอุ้มชูให้ข้าพเจ้ามีวันนี้ได้ และเมื่อถึงวันที่ผู้ใหญ่ใจดี ต้องการเห็นคนใหม่ ๆ งานใหม่ๆ ไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นในวงการ ข้าพเจ้าก็เห็นดีและควรจะกระทำอย่างไม่รั้งรอ

      4. อ่านหนังสือให้เยอะขึ้น ดูหนังให้เยอะขึ้น ปีที่แล้วดูหนังน้อยมากให้ตายสิ ปีนี้คงต้องเสพงานมากขึ้นแล้วก็หาความรู้ใหม่ ๆ ใส่หัวให้เยอะขึ้นเพื่อไอเดียใหม่ ๆ

     5. ร้องเพลงบ้าง ไม่ได้เขียนเพลงและร้องเพลงอัดมานานแล้ว อยากเขียนเพลงใหม่ ๆ และร้องเพลงใหม่ ๆ วูบนึงเคยลามปามถึงขั้นคิดจะออกอัลบั้มเดี่ยว แต่ยั้งใจไว้ทันกลัวดัง ก็เลยคิดว่าอาศัยเกาะชายผ้าเหลืองชาวบ้าน ร้องแจม ๆ แซม ๆ กับเค้าไปก่อน ล่าสุด สแตมป์กำลังจะเปนเหยื่อรายแรก หุหุ

     6. เปนคนที่ดีต่อคนที่เรารักและรักเรา ที่ผ่านมาอาจจะเคยทำอะไรเอาแต่ใจ เอาตัวเองเปนศูนย์กลางตลอดเวลา ก็ต้องปรับต้องเปลี่ยน แม้ว่าประวัติศิลปินดัง ๆ มักจะเอาแต่ใจ ติ๊สแตกไม่มีใครเอา แต่ในท้ายที่สุดก็ยังมีคนรักอยุ่เคียงกายในวันสุดท้ายของชีวิต แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่ใช่ศิลปินดัง และกระนั้นไม่พอ เกิดไม่มีใครจะเอาเราแล้วล่ะ สุดท้ายเราจะเอาแต่ใจกับใครก็ไม่มี มันน่าเศร้ากว่าเสียจริง ปีนี้จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น นะจ๊ะ

     7. หาแมวตัวใหม่มาเลี้ยงเปนเพื่อนน้องทางด่วนที่เชียงใหม่ เพราะสัปดาห์ก่อน แมวนินจาพึ่งเสียไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ครอบครัวของข้าพเจ้าเสียใจมาก ร้องไห้ไปสองคืน เพราะแมวนินจาเปนแมวขี้อ้อน รู้ความ นิสัยดี ไม่เอาแต่ใจเหมือนทางด่วน แต่มาด่วนจากไปก่อนวัยอันควร หาศิริรวมอายุคนก็ประมาณ 17-18 เท่านั้นเอง ความเสียใจของข้าพเจ้ายังไม่เท่าน้องทางด่วนแมวขาว เพราะแม่เล่าให้ฟังว่าหลังจากที่นินจาจากไป ทางด่วนก็เอาแต่ร้องไห้ การร้องไห้นั้นคือการเข้าไปมุดอยู่กะที่นอนของแม่ และเอาหน้าซุกมือตัวเองทั้งคืน เปนงี้ทุกคืน แล้วก็ไม่ยอมให้แม่ไปไหนเข้ามาคลอเคลียให้อุ้มตลอด มันคงเหงา

     ความเปนจริงแล้วนินจามีน้องอีกคนชื่อขมิ้นเปนผู้หญิง แต่ก่อนหน้าที่นินจาจะจากไปไม่กี่วัน ขมิ้นหนีตามผู้ชายไปแล้ว ดังนั้นทางด่วนจึงเปนแมวเดียวดายในบ้าน แม้จะมี แมวชื่อจิงโจ้ อีกตัวก็ตาม แต่ทางด่วนก็ไม่ชอบนิสัยของจิงโจ่้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เคยถามแล้วแมวก็ไม่ตอบ กลับไปเชียงใหม่อาทิตย์หน้าต้องไปเสาะแสวงหาแมวอีกแล้ว ฯลฯ เ

 

     ขียนมาตั้งนานแล้ว สิ่งที่อยากทำก็ยังมีมากมาย กลับไปดูสเปศเก่า ๆ เวลาขึ้นปีใหม่ทีไรก็จะเขียนอะไรแบบนี้ตลอด ซึ่งก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง สาระแก่นสารของมันจริงแล้วไม่ได้อยู่ที่ว่าทำได้หรือไม่ได้มั้ง เพราะเอาเข้าจริง การคิดถึงเรื่องอนาคตและความคาดหวังต่อสิ่งที่เราจะกระทำต่อไป การนึกถึงมันทำให้เรายังรู้ว่าเรายังอยู่วัยหนุ่ม ยังมีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้อีกเยอะ น่ากลัวเหมือนกันว่าปีหนึ่งเกิดเราไม่รุ้จะทำอะไรได้ขึ้นมามันจะเปนยังไงหวังไว้ว่ามันคงไม่เกิดขึ้นกัยเราเร็วๆ นี้แน่นอน

ขอให้ทุกคนมีความหวังและความฝันอันบรรเจิดเรืองรอง

แมวโพง ช่างฝัน

 

ปล. 1 ใครอ่าน "ช่างสำราญ" แล้วคิดว่านวนิยายเรื่องนี้ควรสร้างเปนภาพยนตร์บ้าง

ปล. 2 "รอบบ้านทั้งสี่ทิศ" คือรวมเรื่องสั้นที่ระดับท็อปฟอร์ม ของคุณ กนกพงษ์ สงสมพันธุ์ ก่อนที่แกจะเสียชีวิตเปนหนังสือที่ดีที่สุดที่ได้อ่านในปี 2008 ที่ผ่านมา(ตามรสนิยมของข้าพเจ้า)

ความสุขของแมวโพง 2009

    

 

      ปี 2008 อันแสนสุขก็ผ่านไปแล้วแก้วตา พร้อมกับภาพยนตร์เรื่อง "ฝัน" อันถูกใจคนทั้งประเทศได้รับเสียงปรบมือกึกก้องกัมปนาทสนั่นหวั่นไหวไปทั้งโลกา หลายคนบอกว่ามันเหี้ยยังโง้นยังงี้ หลายคนก็บอกว่ามันดียังงี้ยังงั้น ยังไงก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน งานแบบนี้มันสองคน ยลตามช่องอยู่แล้ว ทำหนังมากี่เรื่องก็เปนยังงี้ มีคนเดินออกจากโรง มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีคนรัก มีคนเกลียด เปนเรื่องธรรมดาของการสร้างงาน แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากการนี้กคงเปนการทำดีได้แต่อย่าเด่นดัง เพราะย่อมมีคนหมั่นไส้ จ้องจะขัดแข้งขัดขา ไม่รู้เปนเหี้ยอะไร บางคนคงรอหาจังหวะมานานมาก หนังยังไม่เข้าเลย รอบเพรสเสร็จหนังยังไม่เข้าเลยไปพิมพ์ด่าในเว็บบอร์ดเสียแล้ว จากนั้นกระแสด่าก็ตามมามากมาย แต่ชินแล้วจ้า ไม่เคยโกรธหรือไม่เสียใจไม่อะไร คำวิจารณ์อันไหนมีเหตุมีผล เราก็อ่านไว้ไม่ว่าจะชมหรือด่าก็เหมือนเปนกระจกให้เราส่องตัวเองให้ครบทุกด้าน หรือใครจะด่าเฉย ๆ ไม่ได้วิจารณ์อะไรที่เปนเหตุเปนผล ก็อ่านไว้ ฟังไว้ ให้รู้ว่าเรายังมีด้านแย่ ๆ ที่คนอื่นเค้ามองเห็น เค้าเลยเกลียดเรา ไม่ได้เกลียดงานเรา หรือไม่ก็เกลียดคนที่ชอบเราเลยย้่ำยีเราแกล้งคนที่ชอบให้โมโหเล่น แม้จะเคืองในอารมณ์จนบางทีอยากจะเช็คไอพีแล้วตามไปมอบของที่รฤกให้ถึงบ้านหรือที่ทำงานของเขา แต่พึงขันติไว้ ทุกวันนี้คนเกรี้ยวกราดขึ้น เราก็อย่าไปตามนั้น อ่านจบปิดคอมก็ให้อารมณ์จบไปด้วย แล้วชีวิตจะดี

     หลายคนต้องการคำอธิบายเรื่อง "ฝัน" จริง ๆ หนังมันก็อธิบายตัวเองไปหมดแล้วตั้งแต่ชื่อเรื่อง แล้วที่ออกมาเปนยังงี้ก็เพราะหนังมันเล่าแบบความฝัน ที่เปนความฝันจริง ๆ ไม่ใช่ "ความใฝ่ฝัน" หรือ "ความเพ้อฝัน" มันคือเรื่องราวเวลาเราหลับตานอนลงไปแล้วเราดำดิ่งไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น เหตุการณ์ที่ไร้เหตุผล ไร้ตรรกะ ไร้กาลเวลา ไร้ความต่อเนื่อง และข้าพเจ้าก็เปนคนที่ฝันบ่อยมาก ฝันเกือบทุกคืน บางเรื่องก็สนุก บางเรื่องก็ลืมไป บางเรื่องก็ทำให้ร้องไห้น้ำตาแตกตอนตื่นขึ้นมา มารดาของข้าพเจ้าชอบบอกว่าตอนเปนเด็ก ๆ ที่ยังร่วมเตียงกับพ่อแม่ข้าพเจ้ามักจะหัวเราะออกมาตอนนอนเสมอทำเอาพ่อกับแม่ตกใจ (แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามต่อว่าตกใจทำไม ทำอะไรกันอยู่) ในบางครั้งในความฝันว่าได้ของเล่นชิ้นใหม่มาแล้วตื่นมาก็เดินหาใหญ่เลย แม่บอกว่าเปนอาการฝันค้าง

    ทุกวันนี้ข้าพเจ้าจะมีสมุดจดอยู่หัวเตียงเสมอ ๆในนั้นจะบันทีกความฝันที่สนุกๆ ไว้เมื่อตอนตื่น บางทีไปนอนต่างที่ก็จดลงในมือถือ ยกตัวอย่างสิ่งที่จดไว้

     "ฝันว่าหนีการตามล่าของปีศาจตัวหนึ่งที่ตัวใหญ่น่ากลัว แปลงร่างได้ แต่มันกัวแสงสว่าง หนู ทุเรียนและไอ่อู๋(น้องชาย) ตอนแรกอยู่บ้านหลังหนึ่งใช้อาวุธต่าง ๆ พยายามฆ่ามัน แต่ที่หนังหนีไปอยู่ในโรงเรียนหมอ แล้วโดนหมอที่คลุ้มคลั่งไล่ฆ่า ปล. ที่ปีศาจกลัวไอ่อู๋เพราะมันเปนคนเลว" และ

     "ฝันว่า…(ชื่อคน)ไปเที่ยวค่ายแล้วโดนผีกรนใส่กลับมา เราเลยไปซื้อขนมหวาน โดนค่าหม้อแกงไปร้อยนึง ด่าแม่ค้าแล้วมันก็หายตัวไป แต่ในที่สุดเราก็จับได้" และก็เคยเล่าเรื่องความฝันไปสองสามตอนในสเปศแห่งนี้ถ้าจำไม่ผิดลองย้อนกลับไปอ่านดู

      ฉะนั้นก็เลยเอาวิธีการเล่าเรื่องแบบหลับแล้วฝันไป มาเล่าเปนหนังดู เชื่อว่าคงถูกด่าแน่นอน เพราะมันไม่ใช่วิธีปกติของการให้ข้อมูล และมันก็หลุดออกจากกรอบการรับรู้ของผู้คน(ในขณะที่มีสติครบถ้วน)อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ดีมันก็เปนวิธีการน่าสนใจที่จะแบ่งปันประสบการณ์ความฝันร่วมกับคนดู โชคดียังมีคนพอเข้าใจอยู่บ้าง มีหนังหลายเรื่องที่ใช้ประสบการณ์แบบความฝันเอามาเล่าเรื่องไม่ว่าจะเปนงานคลาสสิคอย่าง Un Chien Andalou ของดาลี และเพื่อน Dreams ของคุโรซาว่า Mulholan Drive (เขียนถูกป่าววะ) ของ เดวิด ลินช์ ลองไปดูกันเถอะ ยิ่งกว่านี้อีก

      นอกจากจะเล่าเรื่องที่ไม่เปนเรื่องแล้ว ก็ยังใส่เอาทุกอย่างที่เด็ก ๆ เสพกันเข้าไป ไม่ว่าจะเปนเกม การ์ตูน ทั้งเก่าและใหม่เอาให้เต็มที่ คนคุ้นเคยผ่านตาก็น่าจะรู้ว่ามาจากการ์ตูนอะไรบ้าง และแน่นอน คนที่พยายามจะบอกว่าเราไปก็อปเขามา ก็ไม่ผิด เพราะความฝันคนเรามี reference นะ ทุกสิ่งในความฝันต้องผ่านตาหรือมีประสบการณ์ร่วมบ้างถึงจะโผล่เข้ามาในความฝันได้ แม้ว่าจะเปนสิ่งผ่านตาไปสักเดี๋ยวด๋าวก็ตาม แต่บางตัวก็คิดได้เองนะ อย่างแมวเนี่ยมีมานานแล้วฮะ ไม่ต้องไปเอาของเค้ามาหรอก แล้วก็เสือขาวน่ะ ไม่ได้เอามาจากกังฟูแพนด้าหรอก เพราะในกังฟูแพนด้าเปนเสือดาวหิมะ แต่เสือขาวพี่ต่อเปนเสือขาวไซบีเรีย ตัวสมันเสื้อแดงที่หลายคนถกเถียงกันว่าเปนเก้งเปนกวางแต่อย่างใด เก้ง หรือ ฟาน ในภาษาของข้าพเจ้าตัวเล็ก เขามันไม่แตกสาขาอลังการขนาดนี้ ส่วนกวางก็ไม่รู้จะเอาพันธุ์อะไรดี ตกลงเปนสมันดีก่าเขาสวยเปนสัตว์หายากด้วยไม่ได้เจอกันง่าย ๆ เน่อ ส่วนศัพท์เก้งกวาง ไม่รู้ว่าใครคิดข้าพเจ้าไม่ชอบใจเท่าไหร่ เพราะกวางถือเปนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนานะ ข้าง ๆ ธรรมจักรลองไปดูดี ๆ มักจะมีกวางหมอบอยู่ด้วยเสมอ เค้าใช้เปนสัญลักษณ์แทนปางปฐมเทศนา หรือว่าปางตรัสรู้หว่า จำไม่ได้ไม่แน่ใจ แต่ศักดิ์สิทธิ์ละกัน ใครจะใช้เปนสแลงก็ใช้ไป ข้าพเจ้าไม่เห็นควรด้วย

     มาถึงเรื่อง อนิเมชั่นและซีจี อันเปนที่วิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวาง หะแรกก็อยากทำให้มันอลังการสวยเก๋ เปนเกมนารูโตะ ในเครื่องเพลย์อยู่หรอก แต่เวลาขนาดนี้ งบ ขนาดนี้ทำไปทำมาชักไม่ทัน ทุกอย่างมันก็ต้องลดลงไป และนี่ก็เปนงานจับอนิเมชั่นครั้งแรกด้วย มีหลายเรื่องที่ทำไม่เปนและก็ไม่รู้มาก่อน แต่ตอนนี้รู้เกือบหมดละ สิ่งที่รู้และจำใส่สมองน้อย ๆ ของข้าพเจ้าเอาไว้เลยคือจะไม่เชื่อคำว่า "เดี๋ยวเรนเดอร์เสร็จมันจะมีครับพี่…" เพราะใครจะไปรู้ว่าตอนเปนเลย์เอาท์มันขยับตัวการ์ตูนขนาดนี้แล้วนึกว่าตอนไปเรนเดอร์พี่จะขยับต่อ เปล่าเลยพอเรนเดอร์ออกมามันก็ยังแข็งโก๊กอย่างเดิม ไอ้ที่วิ่ง ๆ อยู่ในเฟรมพอปลาย ๆ คัทแอบสไลด์ออกไป มันก็ยังเหมือนเดิม แล้วพอเมื่อเรนเดอร์เสร็จแล้วมันก็เปนเวลาที่ต้องส่งแลปปรินท์ฟิล์มแล้ว ฮือ ๆ…แก้อะไรไม่ได้ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ออ..ความฝันของเด็ก มันจะสวยหรูอะไรนักหนาเนาะ…เหอเหอ ส่วนซีจี ฉากร้องเพลงที่มีคนว่าปัญญาอ่อน ก็ไม่ผิด เพราะจงใจให้มันแอ๊บแบ๊วเปนรายการทีวีสำหรับเด็กยังงี้แหละ (แต่สังเกตฉากหลังขอยื้มมาจากเกมมาริโอ้นะ)จริง ๆ ทีแรกจะสร้างฉากจริงเปนสโมสรผึ้งน้อย เปนรายการเจ้าขุนทองอะไรงี้ด้วยซ้ำ แต่กัวร้องเพลงไปมาจะปัดฉากล้ม ตากล้องสะดุดหินล้มกลิ้งเสียหายกันไป

     แต่จะไปโทษซีจีเขาก็ไม่ได้หรอก เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้าพเจ้าเอง ด้วยความอ่อนประสบการณ์ต่อโลกซีจีและอนิเมชั่น มันก็เลยพลาดไปด้วยประการฉะนี้ เปนเหตุให้ขณะนี้ได้เริ่มเรียนทำซีจีและอนิเมชั่นแล้ว เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นและเปนโอกาสได้พัฒนางานของตัวเองในด้านอื่น ๆ ใครจะบอกว่าข้าพเจ้าเปนเทพ หรือเปนศาสดา แต่ข้าพเจ้าไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าตัวเองเก่ง การสร้างหนังสำหรับข้าพเจ้าก็ยังเปนการเรียนรู้อยู่เสมอ มีทดลองผิดหรือถูก มันอาจจะมีอะไรพลาดไปในการก้าวเดิน แต่มันก็ยังดีกว่าเอาตัวเองผูกติดกับรางวัลแล้วก็ย่ำอยู่ที่เดิม ๆเคลิบเคลิ้มกับคำชมเดิม ๆ ข้าพเจ้าทำงี้ไม่ลงหรอก เคยมีคนบอกว่าข้าพเจ้าไม่มีสไตล์เปนของตัวเอง ก็ต้องยอมรับ เพราะรู้ไหมว่า สไตล์ ไม่ได้เกิดขึ้นใน 5-6 ปีของการทำงาน มันต้องใช้เวลามากกว่านั้น ท่านคิดว่ากว่า ผกก ดัง ๆ ของต่างประเทศเขาจะสร้างสไตล์ของตัวเองขึ้นมาได้ เค้าใช้เวลาตั้งเท่าไหร่ ส่วนข้าพเจ้า แมวโพง แสนดี เริ่มทำหนังสั้นเรื่องแรกตอนปี 2000 อายุ 19 เริ่มเข้าวงการทำหนังใหญ่ตอนปี 2003 อายุได้ 22 และปีหน้าจะอายุ 28 หนทางเส้นนี้มันช่างดูอีกยาวไกลน่อ…

     จึงอยากจะบอกว่าการสร้างหนังทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้อยู่ ยังมีอะไรอีกมากมายให้ทดลองเรียนรู้ไปในโลกภาพยนตร์ ที่เราเปนนักเรียน มีคนดูเปนคุณครู คุณครูไม่ชอบก็โดนด่าโดนตี เปนธรรมดา ครูคนไหนชอบเขาก็ชม ก็ว่ากันไป เสร็จงานชิ้นนี้ก็เริ่มชิ้นใหม่ ก็เท่านั้นครูบางคนตีแล้วก็แล้วไป บางคนตีแล้วตีอีก กระทืบซ้ำ ถุยน้ำลายใส่หน้า ตบหน้าซ้ำด่าก่นโคตรอีกตะหาก เราก็ได้แต่เชิดหน้าอย่างทรนงต่อไป เพราะความเกลียดชัง อยู่กับเขา ไม่ได้อยู่กับเรา ความทุกข์เปนของเขา ไม่ได้เปนของเรา ทำใจให้สบาย สร้างหนังต่อไป เผื่อวันหนึ่งเขาจะเห็นความดี ตบตี ด่าทอ แล้วก็ผลักลงเตียงฉีกเสื้อ จิกหัวขึ้นมาคำรามถ้อยคำหยาบคายใส่หู ก่อนจะก้มตัวลงเอาริมฝีปากอันร้อนผ่าวนาบลงบนคอระหงของข้าพเจ้าที่กำลังระทวยไร้ซึ่งแรงจะต้านทาน ฯลฯ

     อีกเรื่องคือเรื่อง ความโรแมนติก ไม่รู้ว่าใครจะมองความรักเปนยังไง แต่ข้าพเจ้าคงเปนคนไม่โรแมนติกเท่าไหร่กระมัง ยิ่งมาทำหนังเด็ก ๆ ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะตีความความรักแบบเด็กๆไปทางไหน ก็เลยคิดว่าเวลาเด็ก ๆ รักใครแอบชอบใครมันคงจะpure มาก ๆเช่นเดียวกับความรักของแฟนคลับที่มีต่อศิลปิน จากประสบการณ์หนึ่งปีกับวงออกัส และแฟนคลับมากมาย ทั้งขาประจำและขาจร ทำให้รู้ว่าความรักของแฟนคลับก็ pure เช่นกัน อะไรหนอที่ทำให้คน ๆ หนึ่งตื่นมารอดูศิลปินที่ตัวเองชอบแต่เช้าตรู่แม้ว่างานนั้นจะอยู่แสนไกล อะไรหนอที่ทำให้คนเราข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อรับศิลปินที่ตนชอบกลับไปประเทศที่ตัวเอง อะไรหนอที่ทำให้คนได้แค่มองอยู่ไกล ๆ ก็ร้องไห้ออกมา ทั้งหมดไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากได้ชื่นชม ได้สัมผัส ได้ใกล้ชิด มันก็เปนความรักอีกแบบนั่นแหละ คนไม่เคยมีคงไม่เข้าใจ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตเราครั้งหนึ่งควรมีศิลปินไว้ชื่นชอบ มีไอดอลไว้กรี๊ดบ้าง เพราะอย่างน้อยก็มีอะไรไว้ยึดเหนี่ยวเมื่อเวลาจิตใจอ่อนแอ หรือต้องการกำลังใจ สำหรับข้าพเจ้า…พี่เบิร์ด ช่วยได้

     เคยบอกว่าหนังคือลูกของเราและถ้าจะให้เปรียบ "ฝัน" ลูกคนเล็กของข้าพเจ้าเปนคนยังไง เขาคงเปนเด็กน้อยที่อ่อนต่อโลก บ้าบอสติแตกแบบไม่เก็บอาการ หน้าตาไม่น่ารักเท่าไหร่แต่งตัวก็ไม่ดี แต่สิ่งที่น้องฝันมีคือ ความจริงใจที่จะมอบความสุขให้ทุก ๆคน แม้บางคนอาจจะรับไม่ได้เพราะน้องฝันอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่บางคนก็รับได้และเอ็นดูน้องฝันก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

     อย่างไรก็ดีอยากจะบอกว่าตอนทำหนังเราก็ทำด้วยความที่มันเปนศิลปะ แล้วตอนคนมาดูเค้าจะมาดูมหรสพ หากจะเอามาตราฐานทางความบันเทิงมาตัดสินงานนี้ก็แล้วแต่วุฒิภาวะและประสบการ์ณของคนดู บ้างก็หรรษาบ้างก็เซ็งปี๊ดกันไป หากจะว่าด้วยมาตราฐานทางศิลปะก็ต้องพิจารณาไปตาม approach ของสาขานั้น ซึ่งก็ต้องใช้คำว่าแล้วแต่คนจะมองทั้งนั้นแหละถูกต้องที่สุด ไม่ได้ เซพสุดอย่างที่ มีคนค่อนขอดเอาไว้ในพันทิป เว้นเสียแต่ถ้าในใจของท่านบอกว่า มันเหี้ย ๆ ๆ เสียแล้วจะเอามาตราฐานใดมาวัดมันก็เหี้ย ส่วนเรื่องรายได้ ก็ต้องเสียใจกับผู้ที่พยายามจะแสดงความเวทนาว่า หนังฝันหวานอายจูบ มันเจ๊งต้องขอโทษด้วยที่มันไม่เจ๊งอย่างที่ท่านคิด แม้จะกำไรน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้อาจจะเสียดายอยู่บ้างแต่โลกก็เปนอย่างนี่แหละจ้า มีสมหวัง ผิดหวัง เสียดายแล้วเราก็ลุกขึ้นมาสร้างฝันของเรากันใหม่ ฝันที่เปนรูปธรรมที่มันไม่ง่ายเหมือน สร้างฝันของตัวเองบนโลกไซเบอร์ เน่อ…

 ขอบคุณที่เฝ้ามองการก้าวเดินทุกก้าว และขอสวัสดีปีใหม่ 2009 ขอให้ทุกคนพบแต่เรื่องดี ๆ สุขสมปรารถนาทุกประการของชีวิจเทอญ สวัสดี

แมวโพง ฝันหวาน แบบไม่อายใคร

 

 

ปล. ตอนหน้า จะว่าด้วยสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2009 นี้แล