ว่าด้วยเรื่องการไป Blockshot

มาBlockshot สองวันยัง ได้โลเกชั่นดีๆไปเยอะส่วนที่ไม่ได้เลยก็มียังค้างคา ยังความปวดเศียรมาสู่ข้าพเจ้าเปนยิ่งยวด แล้วไอ่ที่ไม่ได้คือสิ่งที่ง๊ายง่าย นั่นคือบ้านคนปกติเนี่ยแหละ ไม่ใช่ความผิดพลาดของฝ่ายจัดหาสถานที่หรือเราเยอะสิ่ง แต่บ้านง่ายๆเนี่ยแหละคือโจทย์ที่ยากที่สุดในการหาสถานที่่ถ่ายทำ บ้านหรูก็มักจะแพง บ้านหรูที่ราคาสมเหตุผลถ่ายได้ก็ถูกกองถ่ายตะบันถ่ายไปจนช้ำหมดแล้ว หรือบ้านของชนชั้นกลางทั่วไป ก็ไม่ง่ายเพราะส่วนใหญ่คนจะอยู่จริงเวลาเราไปถ่ายก็มักจะไปรบกวนวิถีชีวิตจริงของเขา ตอนนอนเขาก็จะถ่ายหนังนอนไม่ได้

ตอนตื่นอยากจะมาดูมันก็ไม่ให้เข้ามายุ่มย่ามในเซ็ทในกอง หลายบ้านถึงขั้นเข็ดขยาดไม่ยอมให้ใครมาถ่ายหนังอีกเลย เพราะหลายครั้งที่งบไม่พอต้องอาศัยหยิบยืมของในบ้านมาประกอบฉาก ทำแตกหักเสียหายกันไปบ้างแล้วก็เปิดเผ่น เปิดบ้านให้ถ่ายหลายกองก็ไม่รู้ว่าฝีมือใคร เปิดตูดชิ่งไปแล้วจับตูดใครดมก็ไม่ได้ เปนที่น่าเวทนานัก

ตอนนี้บ้านกรมชลฮิตมาก บ้านกรมชลที่นนทบุรีนั่นแหละ เราเคยไปถ่าย12begins ที่นั่นเปนบ้านของพี่ตั้วศรัญยูกะน้องอเล็กซ์ เมื่อวานนี้ดูในทีวีรู้สึกจะเปนบ้านที่พี่ค่อมชวนชื่นไปตลกกันมวลหมู่อยู่ในนั้นไม่รู้บ้านใครเปนบ้านใคร และเหมือนวันก่อนโดมปกรณ์ลัมภ์ยังไปแยกเขี้ยวปลอมฮาโลวีนหลอกพลอยเฌอฯ ให้ตกใจกลัวจนตัวสั่น

พูดถึงโดมกับเขี้ยวปลอมแล้วก็หดหู่ใจ ใครจะว่าเขาหล่อยังไงก็ตามแต่เราก็ว่าเขาหล่อนะ แต่ละครไทยมาถึงจุดที่รับการแสดงแบบนี้ได้แล้วเราคิดว่านับจากนี้กูคงทำอะไรก็ได้แล้วล่ะ เด๋วจะลองเอาหุ่นไล่กามาเล่นดู น่าจะเล่นได้เปนธรรมชาติพอกัน แต่การแสดงในระดับนี้ยังไม่น่าสิ้นหวังเท่าคุณเปรมที่เล่นกับพลอยในเรื่องอะไรจำไม่ได้ที่พลอยเล่นเปนน้ำหวาน เราชอบพลอยมากเธอเปล่งประกายจรัสแสงกลบแทบทุกคนในเรื่อง และคิดว่าในเรื่องใหม่นี้ก็คงจะเปนเช่นนั้น

ถามผู้อาวุโสในวงการว่ามันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เขาก็บอกว่าบางทีช่องก็โอเคกับดาราแค่บอกว่าคนนี้จะเล่นกับคนนี้ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไรช่องก็อนุมัติแล้วเพราะยังไงก็มีคนดู ประกอบกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของคนแถวๆนี้ว่าเล่นห่วยก็ไม่เปนไรขอได้ดูหน้าหล่อๆก็พอให้อภัยได้ เราก็พอจะทำใจได้แล้วว่าสังคมนี้คงต้องการแค่หีบห่อที่สวยงาม รูปลักษณ์ที่ฉาบฉวย เท่านั้นเองจริงๆ

เราคงไม่ต้องบ่นเรื่องรสนิยม ความลุ่มลึกทางศิลปะ ความลึกซึ้งทางอารมณ์กันอีกต่อไป เพราะมันหายไปจากวิถีการเสพงานบันเทิงของสังคมบ้านเราไปนานแล้ว จนไม่รู้ว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

วันนี้คุยกับทีมงานเรื่องผู้กำกับหนังในดวงใจไม่ล้มป่วยก็สิ้นไปแล้ว อย่างอาบัณฑิต ผู้เปนแรงบันดาลใจทำให้เราอยากทำหนัง และก็พี่แกละ ผกก ทวิภพ เวอร์เชิ่นฟลอเรนซ์ แม้จะถูกตีความออกไปสุดโต่งจากบทประพันธ์เดิมและมีกลิ่นหนังราชาชาตินิยมอยู่ข้มข้น แต่หนังเรื่องนี้เปนหนังที่ production เป๊ะมากทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแบบมีวิสัยทัศน์ของหนัง (Cinematic Visionary) ก่อให้เกิดงานที่เรียกได้ว่าเปนภาพยนตร์วิจิตรได้โดยแท้ ตอนนี้พี่แกละป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองทำให้แกไม่สามารถทำหนังได้อีกต่อไป เปนที่น่าเสียดาย พี่บิ๊ก production designer ของเราบอกว่าเคยไปทำงานกะแกเรื่องทวิภพนี่แหละ ตอนนั้นเปน art หนึ่งในหลายๆคนของ art director ของพี่แกละ พี่บิ๊กเล่าว่าแกจะมีกฏ10ข้อในการทำงานกับแกให้ทุกคนได้ท่องจำ มีอะไรมากมายจำไม่ได้จำได้แต่ข้อสุดท้ายว่า “ห้ามต่อยผู้กำกับ” ทีแรกพี่บิ๊กแกก็ขำๆแต่พอทำไปจริงๆก็เริ่มอยากจะต่อยจริงๆ คงไม่ต้องเล่าว่าทำไมเดี๋ยวจะกลายเปนมานั่งเม้าพี่แกละกันไปซะงั้น

จริงๆแล้วจะเขียนเล่าเรื่องการ Block Shot ว่ามันสำคัญอย่างไร แล้วมันต่างจากการไปดูโลเกชั่นอย่างไร ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเวลาจะหาที่มาถ่ายหนัง ก็จะมีคนออกไป scout location ก่อนคือไปหามาจากที่เราได้บอกไปคร่าวๆว่าอยากได้อะไรแบบไหน พวกเขาและเธอเหล่านั้นก็จะออกไปเสาะแสวงหาสถานที่ให้ใกล้เคียงกับความคิดเรา ตอนแรกๆก็เอามาเลือกให้ดูหลายทีก่่อนก็จะคัดเลือกไปทีละรอบ ยังไม่ชอบก็ไปหามาใหม่ ไอ้การเลือกออกคัดไว้เนี่ย มันเปนการที่คนทำโลเกชั่นจะได้เรียนรู้ว่าพี่ผกกเขาชอบแบบไหนสไตล์ไหน ปรับจูนกันให้เข้าใจในตอนนี้แหละ โดยเฉลี่ยสำหรับเราเลือกมาไม่เกินสามรอบที่จะดูรูปจากนั้นก็จะออกไปหาที่จริงกัน เอาง่ายๆจากสิบยี่สิบที่เราก็จะเลือกไว้ซักสามที่เอาไว้เปนตัวเลือก เผื่ออันแรกไม่ได้ก็สองสามต่อมา ออกไปดูโลเกชั่นจะได้ไม่เปลืองค่ารถตู้

การเลือกโลเกชั่นมีหลักเกณฑ์อย่างไร ก็เหมือนเลือกคน จะเลือกแต่สถานที่สวยๆก็ไม่ได้ แน่นอนว่าก็ต้องเอาดูแล้วสวยก่อนแล้วค่อยดูว่าฟังชั่นการใช้งานมันได้หรือไม่ ห้องนี้อาจสวยแต่มันแคบไปสำหรับการทำงานไหมเพราะไม่ใช่มีแค่นักแสดงที่เข้าไปอยู่ในนั้น ทั้งกล้องไฟเสียงก็ต้องไปอุดอู้กันอยู่ในนั้น ต่อให้ห้องจะสวยเพียงใดกล้องเข้าไปไม่ได้มันจะเกิดเปนภาพยนตร์ไปได้อย่างไร แล้วก็ไม่ใช่เลือกห้องกว้างเวิ้งว้างจนทีมอาร์ตเซ็ทห้องไม่ไหวนี่ก็จะไปกันใหญ่

นอกจากขนาดและความเหมาะสมในการใช้งาน อารมณ์ของสถานที่ก็ควรจะแมชกับอารมณ์ของฉากด้วย แล้วนอกนั้นก็เปนเรื่องของความเหมาะสมของสิ่งรายล้อม เวลาไปถ่ายหนังมันจะมีขบวนรถไปมากมายทั้งรถกล้องรถไฟรถอุปกรณ์รถสวัสดิการรถเสื้อผ้า ฯลฯ มันมีที่ให้ตั้งกองไหม ก็ต้องพิจารณาด้วย ไม่ใช่ไปแล้วไม่มีที่จอดรถอุปกรณ์ ไม่มีที่จอดรถทำกับข้าว แล้วทีมงานจะกินข้าวยังไง แล้วไม่มีที่จอดรถส้วมในบาง location ก็ไม่ต้องขี้กันล่ะทีนี้

จะเห็นได้ว่าทุกองคาภยพในกองถ่ายมันมีความสำคัญอย่างเท่าๆกันจะละเลยไปสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ แต่ขอเม้าว่ามีบางตำแหน่งที่บางโอกาสก็สำคัญขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ตำแหน่งที่จะขอเม้าในวันนี้คือ “ช่างแต่งหน้าดารา”

ดาราบางคนจะมีช่างแต่งหน้าไว้ประจำตัว ซึ่งพวกนี้ก็จะอัพค่าตัวตามดาราไป อย่างเช่นสมมุติว่าดาราคนนึงรับโฆษณาชิ้นนึงไว้ที่ 100,000 บาท แต่ต้องจ้างช่างแต่งหน้าของนางที่ราคา 4-6 หมื่นบาท จำไม่ได้ตอนนั้น ซึ่งช่างคนนี้ก็จะไม่แต่งหน้าใครนอกจากดาราของตัวเอง ระบบแบบนี้ในหนังนอกดาราฮอลลีวู้ดหรือดาราเอเชียดังๆเขาก็มี แต่กับวงการบันเทิงไทยที่เบี้ยน้อยหอยน้อยกันอยู่แล้ว (ส่วนใหญ่จะค่าโปรดัคชั่นน้อยเพราะเอาไปโปะค่าตัวดาราหมด) การคิดค่าช่างแต่งหน้ากันแบบนี้ถือว่าเปนการ “ปล้นนะยะ” โดยแท้ แล้วนอกจากทำการค้ากำไรเกินควรจนน่าแจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคมาจับ ช่างเหล่านี้มักจะติสแตกเกินจริง บางนางใช้เวลาแต่งหน้าสี่ชั่วโมง ค่อยๆเกลี่ยผิวแก้ม ละเลงเปลือกตา ใครไปเร่งก็ไม่ได้ นางก็จะปรายตามองหน้าแล้วก็แกล้งแต่งให้ช้ากว่าเดิม บางนางก็เร่งไม่ได้มีด่าไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเปน ผช ผกก โปรดิวซ์ ก็นับว่าโชคดีของนางที่ยังไม่โคจรมาเจอข้าพเจ้า และก็คิดว่าคงไม่มีวันได้เจอกันแน่ เพราะหนังเราไม่ค่อยแต่งหน้าเยอะ

จะแต่งสวยหรือไม่สวยบางทีก็ดูไม่ออกด้วยตาเปล่า แต่ที่แน่ๆพอเข้ากล้องแล้วสวยไม่สวย ผกก และ ผกกภาพ จะรู้ดีที่สุด และในท้ายที่สุดแล้ว การลงแสงการจับมุมภาพคือการทำให้ดูดีในขั้นตอนท้ายสุด ดาราบางคนเชื่อช่างแต่งหน้าตัวเองยิ่งกว่าพ่อแม่ และในเมื่อพ่อแม่มันยังไม่ฟังแล้วผู้กำกับเปนใครใยถึงจะฟัง บางทีก็ถมเครื่องสำอางมาจนหนาเตอะนัยกว่ากลบหลุมสิว เราก็บอกให้ไปเอาออกก็ไม่ยอมเพราะสิวเต็มหน้าไม่มีเครื่องสำอางกลบก็ไม่มั่น ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ถ่ายออกมาทั้งที่หน้าเปนหลุมสิวแบบนั้นแหละเสือกอยากเชื่อช่างแต่งหน้าดีนัก

เพราะถ้าฟังกันซักหน่อยพี่ก็จะได้บอกให้ตากล้องเขาใส่ซอฟฟิลเตอร์ ซะหน่อยหน้าน้องจะได้ดูนวลใสขึ้น…ก็เท่านั้นเอง

ไปเม้าดาราซะงั้นเอาเปนว่าเรื่อง BlockShot ไว้ต่อพรุ่งนี้ละกันสำหรับวันนี้พอแค่นี้ เอาภาพไปดูเปนตัวอย่างก่อนไว้จะมาอธิบาย

at montfort college

ราตรีสวัสดิ์

อาจารย์แมวโพง